วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

ธรรมกาย ในพระปฐมสมโพธิกถา

ธรรมกาย ในพระปฐมสมโพธิกถา  1

            พระปฐมสมโพธิกถา ฉบับพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๑) ซึ่งได้ทรงรจนาถวายฉลองพระราชศรัทธา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามที่ได้ทรงอาราธนา เมื่อพุทธศักราช ๒๓๘๗ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์นั้น 
ทรงเป็นรัตนกวีศรีประเทศได้ทรงนิพนธ์เรื่องต่างๆ ไว้เป็นอันมาก ซึ่งล้วนแต่เป็นอมตะทั้งนั้น พระนิพนธ์ปฐมสมโพธิกถา ก็เป็นอมตะเช่นเดียวกัน

            พระปฐมสมโพธิกถานี้  เป็นสมบัติอันล้นค่าของวงการพระ-พุทธศาสนาในประเทศไทย และของชนชาติไทย สมบูรณ์ด้วยสมบัติแห่งวรรณคดี จะพิจารณาในด้านการนิพนธ์ จะศึกษาในทางภาษา จะหาความรู้ในทางพระ-ประวัติของพระพุทธเจ้า จะพิเคราะห์ในทางกวีโวหาร โดยเฉพาะเทศนาโวหาร ก็มีอยู่ทุกประการ ทั้งมีโอชารสแห่งพากย์นิพนธ์ ครบทุกรสตามแบบแห่ง อลังการศาสตร์ มิได้บกพร่องเลย กล่าวได้ว่า เป็นอนรรฆมณีดวงหนึ่ง ในวรรณคดีของชาติไทย

            จัดพิมพ์ครั้งที่ ๑ ฉบับภาษาไทย จำนวน ๑๐,๐๐๐ ฉบับ พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยคณะผู้จัดทำได้พยายามสอบทานชำระกับต้นฉบับภาษาบาลี ซึ่งก็เข้าใจว่าเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์นั้น จะทรงเป็นภาษาบาลีก่อนแล้วจึงทรงแปล หรือจะทรงแปลก่อนแล้วจึงทรงกลับเป็นบาลี ก็สุดแต่จะพิจารณา ได้ความเป็นพิเศษออกไปเป็นบางแห่ง ซึ่งก็ได้ทำเชิงอรรถไว้ตามที่นั้นๆ การสอบทานชำระ
ในครั้งนี้ทางองค์การศึกษาได้มอบหน้าที่ให้ พระมหานิยม ฐานิสฺสโร ป.๙ วัดราชบูรณะ  พระมหาวีระ  ภทฺทจารี  ป.๙ วัดราชนัดดาราม พระมหาธัญนพ  โชติปาโล ป.๙ วัดภาวนาภิรตาราม และนาวาอากาศเอกแย้ม  ประพัฒน์ทอง ป.๙  อนุศาสนาจารย์กองทัพอากาศ เป็นผู้ดำเนินการมาโดยตลอด ปัจจุบันพระปฐมสมโพธิกถา ฉบับนี้ใช้เป็นแบบเรียนในหลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นเอก

            หน้า ๕๔๖ มีปรากฏคำว่า ธรรมกาย เป็นหลักฐาน จำนวน ๑ แห่งใน ตอนหนึ่งชื่อว่า มารพันธปริ-วรรต ปริจเฉจที่ ๒๘   ใจความสำคัญคือ  เมื่อพุทธ- ศักราช ๒๑๘ มีพระมหาเถระองค์หนึ่งชื่อพระอุปคุตต์  ได้ทรงทรมานพระยาวัสวดีมารจนสิ้นพยศกลับมาเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย และออกวาจาปรารถนา พุทธภูมิ หลังจากนั้น พระอุปคุตต์มหาเถระประสงค์จะได้เห็นพระรูปกายของพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า จึงขอร้องให้พระยาวัสวดีมารซึ่งเคยได้เห็นมาก่อน เนรมิตพระรูปกายแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระอัครสาวกให้ดู ซึ่งใจความตอนนี้ ความว่า...

             ...เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และประกาศพระพุทธศาสนา จนกระทั่งเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุไปแล้ว ก็มีพระมหาเถระองค์หนึ่ง 
ชื่อพระอุป-คุตต์มหาเถระได้มีโอกาสทรมานพระยามารจนสิ้นพยศ กลับมาเป็น  สัมมาทิฏฐิ และมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย จึงเปล่งวาจาปรารถนา พุทธภูมิตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงพยากรณ์ไว้ พระ- อุปคุตต์มหาเถระนั้น มิได้เคยเห็นพระวรกายเนื้อของพระพุทธองค์มาก่อน และประสงค์จะได้เห็น จึงขอร้องให้พระยามาร ซึ่งได้เคยเห็นสมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน 
ให้เนรมิตพระวรกายเนื้อแห่งสมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วย พระอัครสาวกให้ดู มีความว่า

            ...อนึ่งท่าน (พญามาร) จงได้อนุเคราะห์แก่อาตมา (พระอุปคุตต์)  ด้วยสมเด็จพระศาสดาบังเกิดในโลก เสด็จเข้าสู่ปรินิพพานเสียแล้วเราได้เห็นแต่พระธรรมกาย  (หมายถึงพระธรรมกายของพระอุปคุตต์มหาเถระ ซึ่งได้เข้าไปเห็นพระธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระนิพพาน) บ่มิได้เห็นซึ่งพระสรีรกาย ท่านจงสงเคราะห์ นฤมิตพระรูปกายแห่งพระ-ศาสดาจารย์ พร้อมด้วยอาการทั้งปวง สำแดงแก่เราให้เห็นประจักษ์กับทั้งพระอัครสาวกทั้งคู่ให้ปรากฏ ด้วยฤทธิ์แห่งท่าน กาลบัดนี้...

(ดูฉบับสมบูรณ์ที่ภาคผนวก หน้า ผ๑๑๘-ผ๑๑๙)

            เป็นที่น่าสังเกตว่า พระปฐมสมโพธิกถา ฉบับนี้ รจนาขึ้นตั้งแต่ปี ๒๓๘๗ แต่ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมนักของผู้ที่ศึกษาธรรมศึกษาและนัก-ธรรมทั้งๆ ที่รจนามาก่อนปฐมสมโพธิของสมเด็จพระสังฆราช    (ปุสฺสเทว) และสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส

 ธรรมกาย ในพระปฐมสมโพธิ  2

            พระปฐมสมโพธิ เป็นหนังสือที่แต่งไว้สำหรับเทศนา ต้นฉบับดั้งเดิมไม่ทราบว่าพิมพ์ขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.อะไร แต่ที่กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ได้พบและใช้เป็นแบบเรียนสมัยรัชกาลที่ ๕ คือ ฉบับปีพุทธศักราช ๒๔๑๙ และอีกฉบับหนึ่งปี ๒๔๔๕ ห่างกันถึง ๒๖ ปี สมเด็จพระสังฆราช (ปุสฺสเทว) 
(ดูประวัติได้ในภาคผนวกหน้า        ผ๒๙๒)  ได้นำมาเรียบเรียงทำเป็นหนังสือชื่อ พระปฐมสมโพธิ 
ในที่นี้จะกล่าวถึงหลักฐานที่พบคือในการพิมพ์ครั้งที่ ๒ ฉบับดั้งเดิมโดยในหนังสือพระปฐมสมโพธิ 
ได้จัดแบ่งไว้เป็น ๒ ตอน ตอนที่ ๑ พิมพ์ปีพระพุทธศักราช ๒๔๖๕ มีกล่าวถึงการอุปบัติขึ้นของรูปกายและการอุปบัติขึ้นของธรรมกาย ๓ แห่ง ดังนี้

            ๑.ในคำปรารภ : ชาติกถากัณฑ์ที่ ๑ หน้า ๖ ความว่า

             ....สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น แม้ปรินิพพานนานกำหนดศาสนายุกาลถึงเท่านี้แล้ว ยังเหลืออยู่ส่วนรูปกาย ด้วยสักว่าพระสารี-ริกธาตุยังดำรงอยู่  ส่วนธรรมกายด้วยพระหฤทัยอันอนุเคราะห์สัตว์ ซึ่งเป็นประชุมชนเกิดในกาลภายหลัง และยังทรงอยู่ด้วยพระคุณทั้งหลาย ที่เป็นอนัญญสาธารณ
ไม่ทั่วไปแก่ผู้อื่น...

            ๒.ในคำปรารภ : ชาติกถากัณฑ์ที่ ๑ หน้า ๑๔ ความว่า

             ...เอวํ  อติทุลฺลภปาตุภาโว   แม้องค์พระตถาคตอังคีรสสักยมุนี-โคตมสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ซึ่งมีความปรากฏในโลก อันสัตว์ได้ด้วยยากดังนี้ พระองค์ได้อุปบัติบังเกิดขึ้นแล้วในโลก ด้วยรูปกายอุปบัติและธรรมกาย อุปบัติทั้งสองประการ พร้อมด้วยอัจฉริยอัพภูตธรรม ตามธรรมดานิยมโดยพุทธธรรมดาฯ ความบังเกิดขึ้นด้วยรูปกายนั้นจัดเป็นสอง คือ  โอกกันติสมัยลงสู่พระครรภ์ แลนิกขมนสมัยประสูติจากพระครรภ์ฯ ส่วนความบังเกิดด้วยธรรมกายนั้น คือตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ-ญาณฯ...

            ๓.ในตอนตรัสรู้ อภิสัมโพธิกถา กัณฑ์ที่ ๒  หน้า ๘๑-๘๓ ความว่า" .. ครั้งนั้นหมื่นโลกธาตุนี้ 
ก็หวั่นไหวสะเทือนสะท้านทั้งแสงสว่างยิ่งไม่มีประมาณ ก็ได้ปรากฏเกิดมีในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทพยดาทั้งหลาย ก็แลอัศจรรย์ทั้งหลายซึ่งสำเร็จโดยธรรมดานิยมเห็นปานใด ได้ปรากฏเกิดมีแล้วในโลก เมื่อครั้งพระองค์ประสูติเปนกาลเกิดด้วยรูปกายอันบริบูรณ์นั้นฉันใด แม้ถึงเมื่ออภิสัมโพธิสมัย ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เปนการเกิดด้วยธรรมกาย นั้นเล่า สรรพอัศจรรย์ทั้งปวง เห็นปานนั้น
ก็ได้ปรากฏเกิดมีแล้วฉันนั้นฯ เพราะว่า ความที่มาปรากฏเปนชัดขึ้นก่อนในชาติความเกิดที่เปนโลกุตตร  แลความที่โลกุตตรธรรมซึ่งไม่เปนไปสิ้นกาลนานแล้ว แลมาปรากฏเปนชัดขึ้นก่อนในมนุษย์โลกนี้ 
เปนชาติความเกิดด้วยธรรมกายแห่งสมเด็จพระผู้ทรงพระภาคเจ้านั้น  เปนมหัศจรรย์ลบล้นล่วงคุณพิเศษอื่นทั้งปวง เกิดมีขึ้นในโลกแล้ว ด้วยประการฉนี้ ฯ

             เอตฺตาวตา  มุนินฺทสฺส             ปวตฺติทีปนา  กถา
            รูปกายุปฺปตฺติธมฺม-                  กายุปตฺติวสา  อยํ
            สทฺธาปสาทุปฺปาทาย               สํเขปา  ปริกิตฺติตา



            ตอนที่ ๒ พิมพ์ปีพระพุทธศักราช ๒๔๖๖  ไม่มีการกล่าวถึง ธรรมกาย

            ในการพิมพ์ครั้งที่ ๔ พุทธศักราช ๒๔๖๘  ชื่อหนังสือ ธรรม-สมบัติหมวดที่ ๑ พระปฐมสมโพธิแบบธรรมยุตต์ โดยมีสมเด็จพระ-สังฆราช (ปุสฺสเทว) วัดราชประดิษฐสถิต-มหาสีมาราม เป็นผู้รจนา และพระเจ้าน้อง-ยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เป็นผู้ทรงเรียบเรียง เนื้อหา ใจความของพระ-ปฐมสมโพธิ ยังคงเดิมทุกประการ ไม่มีการแบ่งเป็น ๒ ตอน มีการกล่าวถึงคำว่า  ธรรมกาย ๓ แห่ง 
เช่นเดียวกัน

            (ฉบับที่พิมพ์ครั้งที่ ๒ เพียงแต่ต่างที่ตัวเลขหน้าเท่านั้น)

            ในการพิมพ์ครั้งที่ ๘ พุทธศักราช ๒๔๘๒ ชื่อหนังสือ ปฐมสมโพธิ ธรรม-สมบัติหมวดที่ ๑ (หลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นตรี-เอก) โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (ปุสฺสเทว) เรียบเรียง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรม-พระยาวชิรญาณวโรรส (ดูประวัติของพระองค์ ได้ในภาคผนวกหน้า ผ๒๙๒) ทรงชำระเนื้อหา ใจความของพระ-ปฐมสมโพธิ เหมือนเดิมทุกประการ มีการกล่าวถึงคำว่า
ธรรมกาย ๓ แห่ง เช่นเดียวกับฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ และฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๔ เพียงแต่ต่างที่ตัวเลขหน้าเท่านั้น

            ฉบับพิมพ์หลังจากครั้งที่ ๘ ยังไม่เคยพบหลักฐานว่ามีการจัดพิมพ์ขึ้นใหม่ แต่พบว่าหนังสือปฐมสมโพธิ ซึ่งเรียบเรียงโดยสมเด็จพระสังฆราช (ปุสฺสเทว) ยังคงมีการจัดพิมพ์เป็นแบบเรียนพุทธประวัติเล่ม ๓ สำหรับหลักสูตรนักธรรม และธรรมศึกษาชั้นตรี มีเนื้อหาเหลือเพียงบางส่วนคือ ตั้งแต่ปลงอายุสังขาร จนจบถึงสังคายนาพระธรรมวินัย ซึ่งเนื้อหาก็ยังคงเหมือนฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒,,๘ แต่มีการตกแต่งวรรณยุกต์ให้อ่านง่ายขึ้น และจัดเนื้อหาเป็นเรื่องๆ ขึ้นใหม่ ส่วนแบบเรียนเล่ม ๑, ๒ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้ทรงพระนิพนธ์ขึ้นใหม่ เนื้อหายังคงเป็นเรื่องพุทธประวัติ แต่หลักฐานที่มีคำว่า ธรรมกาย ไม่มีปรากฏในแบบเรียนพุทธประวัติ เล่ม ๑, เล่ม ๒

            (ดูหลักฐานฉบับสมบูรณ์ในภาคผนวกหน้า ผ๑๒๐-ผ๑๓๙)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น