วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๘)



เรื่อง : พระครูวิเทศสุธรรมญาณ วิ. (สุธรรม สุธมฺโม) และคณะนักวิจัย DIRI
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๙
 

      สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๙ เจริญพรท่านผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์บทความพิเศษ “หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนและ ทีมงานนักวิจัยของสถาบันดีรี (DIRI) ทำการสืบค้นวิจัยให้ได้มาซึ่งหลักฐานเพิ่มขึ้น เพื่อทำความจริงให้ปรากฏและเป็นทนายแก้ต่างแก่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย สืบไป

    ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา คณะผู้บริหารและนักวิจัยได้เข้าร่วมการประชุมทางไกลข้ามทวีป (Video Teleconference) กับทีมงานวิจัยที่ปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามอยู่ในหลายประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกาจีน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และนอร์เวย์ผลสรุปจากที่ประชุมมีดังนี้...

     เนื่องจากปีนี้เป็นปีอายุวัฒนมงคลครบ ๗๒ ปี ของพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี วิ. (หลวงพ่อธัมมชโย) ผู้สถาปนาสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (สถาบันดีรี) ทางสถาบันฯ จะรวบรวมผลงานวิจัยที่ได้หลักฐานเพิ่มขึ้น และนำมาจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มเพื่อการเผยแพร่เป็นธรรมทานในวงกว้างสืบไปนอกจากนี้ที่ประชุมยังได้วางแผนงานพัฒนาบุคลากรให้แก่นักวิจัยรุ่นใหม่ด้วย
 

     ในฉบับนี้ ผู้เขียนจะนำเสนอเส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต่อจากฉบับที่แล้ว... (หลักฐานธรรมกาย ในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๗))

     จากที่พระเจ้ากนิษกะ ทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาในพุทธศตวรรษที่ ๗ ดังที่เคยกล่าวไว้ไปแล้วนั้น ก่อให้เกิดการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวางตามเส้นทางการค้าขายโบราณทางบกผ่านคันธาระเข้าไปในเอเชียกลางและต่อไปยังจีน ทำให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่มั่นคง ซึ่งจีนได้เผยแผ่พระศาสนาต่อไปยังมองโกเลีย เกาหลีญี่ปุ่น ทิเบต และเวียดนาม ในส่วนของเส้นทางการค้าทางทะเลนั้น พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ไปสู่อาณาจักรต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ อาณาจักรศรีวิชัยพุกาม ฟูนัน และจามปา ซึ่งจะกล่าวในลำดับต่อไป
 
เส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามเส้นทางการค้าในยุคพระเจ้ากนิษกะและยุคต่อมา
ภาพ : ชัชวาลย์ เสรีพุกกะณะ

     พระพุทธศาสนาเริ่มเผยแผ่เข้าสู่ประเทศจีนราวปลายราชวงศ์โจว1 แต่เป็นไปในลักษณะเบาบางเล็กน้อยจนถึง ราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๗ พระเจ้าฮั่นหมิงตี้2 แห่งราชวงศ์ฮั่นได้ส่งราชทูตไปสืบพระศาสนายังอาณาจักรโขตาน พร้อมกับนิมนต์พระภิกษุ ๒ รูป คือพระกาศยปมาตังคะ และ พระธรรมรักษ์กลับมายังนครหลวงลั่วหยางด้วย

     พระเจ้าฮั่นหมิงตี้ได้สร้างอารามขึ้น ณ นครลั่วหยาง พระราชทานนามว่า “วัดไป๋หม่าซื่อ” หรือ “วัดม้าขาว” นับเป็นปฐมสังฆารามของจีน

    พระภิกษุทั้ง ๒ รูป เริ่มแปลพระธรรมคำสอนออกเป็นภาษาจีน โดย พระกาศยปมาตังคะแปลถ่ายทอด “พระสูตร ๔๒ บท” ส่วนพระธรรมรักษ์แปล “ทศภูมิสังโยชนภินทนสูตร” พระพุทธศาสนาในเวลานั้นยังไม่แพร่หลายนัก

    ต่อมาราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๗3 ภิกษุอดีตเจ้าชายชาวปาร์เธีย ชื่อ อันซื่อเกา4 ได้จาริกมาที่นครลั่วหยาง ท่านได้แปลคัมภีร์พุทธศาสนาอินเดียออกเป็นภาษาจีน ๙๐ กว่าฉบับแต่สำนวนแปลของท่านเหลือมาถึงปัจจุบันเพียง ๑๐ กว่าฉบับเท่านั้นส่วนใหญ่เป็นคัมภีร์ของฝ่ายสาวกยาน5 ในด้านพระอภิธรรมพระวินัย และการปฏิบัติสมาธิภาวนา6 เช่นคัมภีร์อานาปานสมฤติ7 เป็นต้น นับเป็นคัมภีร์พุทธศาสนาด้านการปฏิบัติสมาธิภาวนาที่เก่าแก่มาก ที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน

    ในพุทธศตวรรษที่ ๙ พระกุมารชีพ8หรือ พระกุมารชีวะ9 ผู้มีกำเนิดสูงศักดิ์พระมารดาเป็นเจ้าหญิงชื่อชีพะแห่งอาณาจักรกูชา ส่วนบิดาเป็นชาวแคชเมียร์ชื่อกุมารยณะท่านได้เข้ามาในจีนเมื่อปี พ.ศ. ๙๔๔10 เดิมตัวท่านบวชเรียนในอินเดียและได้เผยแผ่ธรรมะที่อาณาจักรกูชาเรื่อยมาจนมีชื่อเสียง และได้รับนิมนต์จากเจ้าแคว้นโห้วฉิน11 ให้พำนักที่เมืองฉางอัน โดยได้รับการสถาปนาเป็นพระราชครู

    พระกุมารชีพเป็นผู้มีบทบาทอย่างยิ่งในการแปลคัมภีร์ทางพุทธศาสนาออกเป็นภาษาจีน ท่านแปลคัมภีร์ต่าง ๆ มากมายรวมถึงพระไตรปิฎกภาษาสันสกฤต ๗๔ คัมภีร์ รวม ๓๘๔ ผูก เช่น คัมภีร์วัชรปรัชญาปารมิตาสูตรและคัมภีร์สัตยสิทธิศาสตร์ของฝ่ายสาวกยาน การแปลของท่านเป็นที่นิยมกันว่าถูกต้องเที่ยงตรง เนื่องจากท่านเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญรอบรู้ทั้งทางจีนและอินเดีย สามารถแปลอุปมาอุปไมยในสันสกฤตเป็นภาษาจีนได้อย่างลึกซึ้งและเห็นภาพชัดเจน ท่านมรณภาพเมื่ออายุ ๗๔ ปี นับเป็นผู้มีคุณูปการยังพระศาสนาในจีนให้ไพบูลย์
 
วัดม้าขาว ไป๋หม่าซื่อ นครลั่วหยาง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๖๑๐

    ในช่วงต้นที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่มายังประเทศจีน ยังต้องอาศัยพระภิกษุต่างชาติในการถ่ายทอดและแปลคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาจีนอย่างต่อเนื่องอีกหลายท่าน กล่าวคือพุทธศตวรรษที่ ๑๐ ท่านคุณภัทรแห่งอินเดียกลาง ได้แปลพระสูตรธรรมทุนทุภิศรีมาลาเทวีสูตรและลังกาวตารสูตรช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๑ ท่านโพธิรุจิแห่งอินเดียเหนือ แปลทศภูมิศาสตร์ ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น ท่านปรมัตถะแห่งอินเดียตะวันตก แปลคัมภีร์ฝ่ายปรัชญาโยคาจารและปรัชญาภูตตถตาวาทิน
 
 
ภาพวาด พระภิกษุอันซื่อเกา(ภาพยุคปัจจุบัน)
ที่มา http://blog.sina.com.cn/s/blog_9b8530cf0102w29g.html


คัมภีร์ฝอซัวม่าอี้จิง ซึ่งเชื่อกันว่าแปลเป็นภาษาจีนโดยพระภิกษุอันซื่อเกา สมัยราชวงศ์โห้วฮั่น
ที่มา http://auction.artxun.com/paimai-109895-549472013.shtml

    ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ท่านติปิฎกธราจารย์12 เสวียนจัง (พระถังซำจั๋ง) ได้เดินทางไปศึกษาพระพุทธธรรมที่มหาวิทยาลัยนาลันทานานถึง ๑๗ ปี เมื่อรวมการเดินทางไปกลับเป็นระยะทางถึงกว่า ๕ หมื่นลี้13 จดหมายเหตุบันทึกเรื่องราวระหว่างทางของท่านมากไปด้วยข้อมูลของดินแดนในเอเชียกลางและเอเชียใต้เมื่อพันกว่าปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้ท่านเดินทางไปด้วยตนเอง ๑๑๐ แคว้น ขณะที่อีก ๒๘ แคว้นท่านบันทึกจากคำบอกเล่า นับเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง
 
อนุสาวรีย์พระกุมารชีพ ประดิษฐานไว้หน้าวัดถ้ำคิซิล กูชา มณฑลซินเจียง จีน
ที่มา http://farm3.staticflickr.com/2205/2047925776_d1ddc54e0f_z.jpg

    เมื่อท่านกลับประเทศจีน ก็ได้นำพระไตรปิฎกฉบับภาษาสันสกฤตกลับมาด้วยเมื่อถึงนครหลวงฉางอันใน พ.ศ. ๑๑๘๘ เป็นต้นมาท่านได้แปลคัมภีร์ถึง ๗๖ ฉบับ จำนวนรวม ๑,๓๔๗ ผูก ออกสู่ภาคภาษาจีน มีทั้งคัมภีร์ฝ่ายศูนยตวาทินและโยคาจาร จักรพรรดิถังไท่จงทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทรงอุปถัมภ์การแปลพระไตรปิฎกของพระเสวียนจั้งจักรพรรดิถังเกาจงรัชกาลถัดมาทรงรับอุปถัมภ์งานแปลพระไตรปิฎกต่อไปอีก งานของท่านจึงเป็นงานพระพุทธศาสนาที่ผู้แปลเป็นพระภิกษุชาวจีน พระเสวียนจั้งดำเนินงานต่อไปจนมรณภาพในปี พ.ศ. ๑๒๐๗14 รวมอายุได้ ๖๒ ปี
 
เจดีย์ม้าขาว (ไป๋หม่าถ่า) หน้าถ้ำตุนหวงสร้างอุทิศพระกุมารชีพ มณฑลกันซู จีน
ที่มา http://z.abang.com/d/gansu/1/3/5/2/-/-/bmt1.jpg


งานแปลฉบับพิมพ์สัทธรรมปุณฑริกสูตรสำนวนของพระกุมารชีพ
ที่มา http://images.takungpao.com/2014/0912/20140912031428772.jpg

    ต่อมาประเทศจีนได้เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังนานาประเทศข้างเคียง เช่น ทิเบต มองโกเลีย เกาหลี ญี่ปุ่นและเวียดนาม อีกนานหลายศตวรรษ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ พระเจ้าซงเซนกัมโปะ แห่งทิเบตได้รุกรานจีนไปถึงเมืองเสฉวน จักรพรรดิถังไท่จง ในสมัยนั้น ทรงพระประสงค์จะผูกสัมพันธไมตรีกับกษัตริย์แห่งทิเบต จึงพระราชทานพระธิดาพระองค์หนึ่ง คือ เจ้าหญิงเหวินเฉิง ให้เป็นพระมเหสีกษัตริย์ทิเบตในขณะนั้นทิเบตได้ยกกองทัพเข้ารุกรานเนปาล เช่นกัน กษัตริย์เนปาลก็ทรงกระทำเช่นเดียวกับจีน คือ ถวายพระราชธิดา คือ เจ้าหญิงกุฏีเทวีเป็นพระมเหสีของกษัตริย์ทิเบต พระมเหสีทั้งสองทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงนำพระพุทธรูปพระธรรมคัมภีร์ไปยังทิเบตด้วย ซึ่งปรากฏว่าเป็นที่สบพระทัยของพระเจ้าซงเซนกัมโปะพระพุทธศาสนาจึงได้เริ่มวางรากฐานในทิเบต
 
(ซ้าย) อนุสาวรีย์พระเสวียนจั้ง (พระถังซำจั๋ง)หน้าพระเจดีย์ห่านป่าใหญ่ (ต้าเอี้ยนถ่า)
ในวัดต้าเฉียน (ต้าฉือเอินซื่อ) ซีอาน มณฑลส่านซี จีนที่ใช้เป็นสถานที่แปลคัมภีร์เป็นภาษาจีน
(ขวา) ภาพวาดพระเสวียนจั้ง (พระถังซำจั๋ง)
ที่มา http://www.buddhanet.net/bodh_gaya/images/bgimage07.jpg

    พระเจ้าซงเซนกัมโปะทรงสร้าง วัดโจกังเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาของทิเบตทรงส่งทูตไปศึกษาพระพุทธศาสนาและภาษาต่าง ๆ ในประเทศอินเดีย เมื่อกลับมายังได้นำเอาอักษรเทวนาครีของอินเดียมาปรับใช้เป็นอักษรทิเบต และคัดลอกคัมภีร์ภาษาสันสกฤตด้วยอักษรทิเบต ในรัชสมัย พระเจ้าราลปาเชน15 ผู้ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า มีการติดต่อกับทางอินเดียด้านพระพุทธศาสนามากขึ้น ได้อาราธนาพระคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยนาลันทาและมหาวิทยาลัยวิกรมศิลา มาสอนธรรมะ และแปลพระคัมภีร์จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาทิเบต จึงทำให้ทิเบตเป็นแหล่งรวมพระคัมภีร์ทั้งฝ่ายสาวกยานและมหายาน นับเป็นแหล่งค้นคว้าหลักฐานทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
 
วัดโจกัง พุทธอารามแห่งแรกของทิเบต
http://f.ptcdn.info/783/005/000/1370175671-jokhangtem-o.jpg


ตัวอย่างอักษรทิเบตที่ใช้เขียนคัมภีร์พุทธศาสนา (บทสวดโพธิจิต)
ที่มา http://www.gonghoog.com/main/index.php/
component/content/category/16-2012-11-18-01-46-13

     เมื่อย้อนกลับมาที่ชมพูทวีประหว่างพ.ศ. ๑๒๒๓-๑๖๖๓ เวลานั้นมีมหาวิทยาลัยในพระพุทธศาสนาอยู่หลายแห่ง ทางฝ่ายสาวกยานมีมหาวิทยาลัยวลภี ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกและฝ่ายมหายานมีมหาวิทยาลัยนาลันทามหาวิทยาลัยโอทันตปุระ มหาวิทยาลัยวิกรมศิลา มหาวิทยาลัยโสมปุระ และมหาวิทยาลัยชคัททละ เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออก สำหรับเส้นทางการเผยแผ่นั้นใช้เส้นทางการค้าขายเป็นหลัก ดังกล่าวไว้แล้วว่าพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ทางบกตามเส้นทางแพรไหมไปทางตะวันออกถึงจีน ส่วนการเผยแผ่ตามทางค้าขายทางเรือนั้น พระพุทธศาสนาเผยแผ่ไปถึงอาณาจักรศรีวิชัยและอาณาจักรต่าง ๆ ของสุวรรณภูมิ

     จากการที่ผู้เขียนและทีมงานนักวิจัยของสถาบันฯ ได้ตั้งใจศึกษาเส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงทำให้มีโอกาสเดินทางไปสำรวจในพื้นที่เหล่านี้ และได้พบหลักฐานและข้อมูลรายละเอียดจากผู้รู้ นักวิชาการ ที่มีผลงานระดับโลก ซึ่งจะได้นำเสนอในฉบับต่อไป
 
1 周朝 ประมาณ ๑,๑๒๓ ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึง ๒๕๖ ปีก่อนคริสต์ศักราช
2 明帝 หรือ 漢明帝
3 ๑๔๘ CE http://en.wikipedia.org/wiki/An_Shigao วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘
4 安世高
5 นิกายสรรวาสติวาท
6 ศึกษารายชื่อคัมภีร์ที่ท่านอันซื่อเกาแปลได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/An_Shigao
7 Ānāpānasmṛti ("mindfulness of breathing") and the "twelve gates" 《安般守意经》、《大十二门经》、《小十二门经》
8 ค.ศ. ๓๔๔ - ๔๑๓
9 鳩摩羅什 หรือ 鸠摩罗什 pinyin: Jiūmóluóshí
10 ค.ศ. ๔๐๑
11 ในยุค ๑๖ แคว้น
12 玄奘; pinyin: Xuánzàng;
13 ใช้เวลาทั้งสิ้น ๑๙ ปี รวมเวลาที่ใช้ในการเดินทางและการศึกษา
14 ๖๖๔ A.D.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น