เรื่อง : พระสุธรรมญาณวิเทศ วิ. (สุธรรม สุธมฺโม) และคณะนักวิจัย DIRI
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ผู้เขียนและคณะได้เรียบเรียงบทความที่สรุปโดยย่อ “เส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา”
ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงฉบับนี้ ยุคพุทธศตวรรษที่ ๑๙ นับเป็นเวลา ๑
ปีพอดีที่ได้นำเสนอสู่สายตาของเหล่าสมาชิกผู้ใจบุญทุกท่าน
และเชื่อว่าคงเกิดภาพและความเข้าใจมากขึ้น
ซึ่งผู้เขียนและคณะต่างปลื้มปีติที่ได้ประมวลเรื่องราวดี ๆ นี้
แล้วนำเสนอแด่ทุกท่านเป็นธรรมทาน ในวาระมหามงคลที่จะมาถึงในวันเพ็ญขึ้น ๑๕
ค่ำ เดือน ๖ คือวันวิสาขบูชา จึงถือเป็นการน้อมรำลึกถวายเป็นพุทธบูชาอีกด้วย
ต่อจากฉบับที่แล้วที่กล่าวว่ามีการพบศิลาจารึกที่ใช้อักษรปัลลวะ
ภาษาสันสกฤต ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งมีเนื้อหา
“กล่าวถึงการฉลองพระธาตุเจดีย์ที่สำคัญ
ที่มีการทำบุญบูชาพระเจดีย์ด้วยดอกไม้ธูปเทียนแล้ว ก็มีการถวายภัตตาหาร รวมทั้งการเลี้ยงอาหารแก่บุคคลทั่วไปและที่สำคัญยังระบุชัดว่า มีการฟังพระธรรมเทศนาและการปฏิบัติธรรม ซึ่งทางผู้เขียนและคณะลงความเห็นว่า หากเนื้อหาจารึกที่กล่าวว่า“การปฏิบัติธรรมนั้นหมายรวมถึงการทำสมาธิ(Meditation)
ภาวนา” แล้วก็เท่ากับว่าศิลาจารึกหลักดังกล่าวนี้เป็นหลักฐานที่เก่าแก่
(พุทธศตวรรษที่ ๑๒)
ซึ่งบ่งชัดให้เราได้ทราบว่ามีการทำสมาธิภาวนาแบบพระพุทธศาสนาในช่วงเวลานั้น
ที่ภาคใต้ของประเทศไทย
จารึก เย ธัมมา... บนพระซุ้มศรีวิชัย อักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต พระพิมพ์ดินเผา
พุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓ พบที่บริเวณวัดเขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่มา http://thaibigplaza.com/img/18c/7a4/18c7a439c13d9c218bb9c8817c3555a8_0.jpg
ส่วนคาถา เย ธัมมา.. ที่เขียนเป็นภาษาสันสกฤตด้วยอักษรปัลลวะนั้น
หลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ คือจารึกบนพระซุ้มศรีวิชัย
ซึ่งเป็นพระพิมพ์ดินเผา มีสัณฐานทรงกลมครึ่งซีก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒
ซม. ด้านหน้ายกขอบโดยรอบ ภายในขอบเป็นรูปพระพุทธเจ้า
รอบองค์พระปรากฏจารึกอักษรปัลลวะเขียนคาถา เย ธัมมา..
เป็นสองวงซ้อนบรรทัดกันลักษณะอักษรอยในช่วงพทุธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓
พบพระพิมพ์ดังกล่าวกว่าสองพันองค์ที่ตำบลเขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
จากการขุดค้นเมืองโบราณยะรังในเขตจังหวัดปัตตานี
พบพระสถูปจำลองและชิ้นส่วนแตกหักมากมาย
ตัวอย่างจารึกสถูปจำลองดินเผาที่ค่อนข้างสมบูรณ์มีจารึกอักษรปัลลวะภาษา
สันสกฤตเป็นคาถา เย ธัมมา.. และได้พบพระพิมพ์ดินดิบอีกเป็นจำนวนมาก
ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปประดับด้วยเจดีย์ทั้ง ๒ ข้างข้างละองค์
กลุ่มจารึกและโบราณวัตถุเหล่านี้บ่งชี้ถึงการรับนับถือพระพุทธศาสนา
นิกายเจติยวาทหรือไจติกะ อันเป็นสาขาของนิกายมหาสางฆิกะ
จารึก เย ธัมมา... บนพระสถูปดินเผาเมืองยะรัง
อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤตพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ฐาน ๗.๕ ซม. ยอด ๒.๔ ซม. สูง ๑๑.๗ ซม.
อักษรปัลลวะที่ปรากฏในจารึกโบราณในพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ นั้น
ต่อมาได้ประดิษฐ์เป็นอักษรมอญโบราณสายหนึ่ง ซึ่งพัฒนาต่อไปเป็นอักษรพม่า
อักษรธรรมของล้านนา อักษรธรรมล้านช้าง และอักษรธรรมอีสาน
และอีกสายหนึ่งพัฒนาเป็นอักษรขอมโบราณ ซึ่งเป็นต้นแบบของอักษรขอมในกัมพูชา
อักษรขอมในไทย และอักษรไทย
จำลองอักษรจารึก รอบขอบฐานด้านนอก
ที่มา http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=746
หลักฐานทางพระพุทธศาสนาที่ใช้อักษรมอญโบราณ คือ
ศิลาจารึกพระเจ้าสววาธิสิทธิ ๑ (วัดดอนแก้ว)
จารึกด้วยภาษามอญโบราณและภาษาบาลี
พบที่จังหวัดลำพูนซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอาณาจักรหริภุญชัยมาก่อนเนื้อหาใน
จารึกกล่าวถึงพระเจ้าสววาธิสิทธิกษัตริย์หริภุญชัย
ทรงสถาปนาวัดเชตวันเมื่อพระชนมายุได้ ๒๖ พรรษา และเมื่อพระชนมายุได้ ๓๑
พรรษา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างกุฏิและเสนาสนะแด่พระภิกษุสงฆ์
อีกทั้งให้จารพระไตรปิฎกไว้ และกล่าวถึงการสร้างพระเจดีย์
โดยพระเจ้าสววาธิสิทธิ พระชายา ๒ พระองค์พระบรมวงศานุวงศ์ และพระโอรส
ซึ่งพระเจดีย์ที่สร้างมีจำนวน ๓ องค์ ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดเชตวัน
เรียงตามแนวจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก เมือ่ พระชนมายุได้๓๒ พรรษา เสด็จออกผนวชพร้อมพระราชโอรส ๒ พระองค์ โดยมีพระมหาเถระราชคุรุเป็นประธานในการผนวช
จารึกพระเจ้าสววาธิสิทธิ ๑ (วัดดอนแก้ว) อักษรมอญโบราณ ภาษามอญโบราณและบาลี
หินทรายรูปใบเสมา ทะเบียนวัตถุ ลพ.๑พบที่จังหวัดลำพูน พุทธศตวรรษที่ ๑๗
ที่มา http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/uploads/images/277_1.jpg
จารึกหลักนี้แสดงว่า
อาณาจักรหริภุญชัยนับถือปฏิบัติตามคติพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบเดียวกับที่
นับถือปฏิบัติกันในสังคมชาวมอญในพม่าและในพุกามสมัยพระเจ้าอโนรธาช่วงพุทธ
ศตวรรษที่ ๑๗ ซึ่งมีคตินิยมที่พระมหากษัตริย์จะเสด็จออกผนวชชั่วคราว
คัมภีร์ใบลาน ธัมมกาย อักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยและบาลี
ในพุทธศตวรรษที่ ๑๙
เป็นต้นมาสังคมทางภาคเหนือของไทยได้รักษาพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาไว้ใน
ลักษณะคัมภีร์ใบลานที่จารด้วยอักษรธรรมล้านนา ซึ่งเก็บไว้ในอารามต่าง ๆ
ทั่วทุกจังหวัด
อย่างไรก็ตามวิทยาการการพิมพ์สมัยใหม่ได้เข้ามาแทนที่ทำให้คัมภีร์ใบลาน
เสื่อมความนิยม ส่วนต้นฉบับก็ถูกลืมเลือนและเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
จึงควรแก่การสงวนไว้เพื่อการศึกษาความคิดและรักษาคลังปัญญาของบรรพชนอีกทางหนึ่งต่อไป
จารึกด่านประคำอักษรขอมโบราณ ภาษาสันสกฤต สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่าทรงประกอบด้วยพระธรรมกาย พระสัมโภคกาย และพระนิรมานกาย
พุทธศตวรรษที่ ๑๘ พบที่จังหวัดบุรีรัมย์ ภาพโดย ชะเอม แก้วคล้าย
สำหรับอักษรขอมโบราณซึ่งพัฒนามาจากอักษรปัลลวะนั้น
หลักฐานโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาได้แก่ ศิลาจารึกสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๘
ของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
ทรงเป็นกษัตริย์พุทธมามกะผู้ทรงเดชานุภาพของกัมพูชา
ศิลาจารึกด่านประคำพบที่จังหวัดบุรีรัมย์ สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
เนื้อความเริ่มต้นด้วยการสรรเสริญพระพุทธเจ้าผู้ประกอบไปด้วยพระธรรมกาย
พระสัมโภคกายและพระนิรมานกาย
จากนั้นเป็นการกล่าวถึงพระราชภารกิจของพระองค์ในการสร้างพระพุทธรูปไวโรจน
ชินเจ้า สร้างโรงพยาบาล (อโรคยศาลา)
และจัดเจ้าหน้าที่เพื่อทำหน้าที่ประจำในโรงพยาบาล
และกล่าวถึงรายการสิ่งของที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
พระราชทานไว้ประจำโรงพยาบาล จบลงด้วยการถวายพระพรแด่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
คัมภีร์ใบลานธัมมกายาทิ ฉบับเทพชุมนุม (รัชกาลที่ ๓) อักษรขอม - ไทย ภาษาบาลี
นักโบราณคดีได้พบศิลาจารึกที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงจนเกือบจะเหมือนกัน
เช่นศิลาจารึกด่านประคำอีกหลายจารึก ในประเทศไทยพบจารึกเมืองพิมาย (นม.๑๗)
จารึกปราสาท (สร.๔) จารึกตาเมียนโตจ (สร.๑) จารึกสุรินทร์ ๒ (สร.๖)
และยังพบจารึกของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เช่นนี้อีกในกัมพูชาและลาว
หลักฐานโบราณคดีเหล่านี้บ่งชี้ถึงพระเดชานุภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
มหายานไปทั่วดินแดนต่าง ๆ ในกัมพูชา และภาคกลาง อีสาน ตะวันออก
ตะวันตกของไทยรวมทั้งลาวบางส่วน
ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๙
เป็นต้นมาดินแดนแถบภาคกลางของไทยได้เก็บรักษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา
ไว้ในรูปคัมภีร์อักษรขอม-ไทย ที่ปรับปรุงขึ้นให้เหมาะสมกับการเขียนภาษาไทย
ส่วนในกัมพูชาใช้อักษรเขมร
จนกระทั่งวิทยาการตะวันตกนำระบบการพิมพ์ด้วยเครื่องจักรเข้ามา
ความรู้และประสบการณ์ในด้านพระพุทธศาสนาและวิทยาการสาขาต่าง ๆ
ของบรรพชนที่สะสมมาเป็นศตวรรษก็ค่อย ๆ
เลือนหายไปจากสังคมเราจึงควรอนุรักษ์นำกลับมาศึกษาให้ได้ประโยชน์ต่าง ๆ
โดยเฉพาะความเข้าใจในคำสอนดั้งเดิมพระพุทธศาสนาให้เด่นชัดขึ้น
ดังนั้นผู้เขียนและคณะนักวิจัยสถาบัน DIRI
จึงขอปวารณาอุทิศตนทำหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นอย่างเต็มกำลัง
เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านน้อมถวายเป็นพุทธบูชาสืบไป
วศิน อินทสระ. (๒๕๓๐). อธิบายมิลินทปัญหา, กรุงเทพฯ : สภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย.
วัฒนไชย. (๒๕๓๖). มิลินทปัญหา : ธัมมวิโมกข์ ฉบับรวมเล่ม, อุทัยธานี : ม.ป.พ.
หม่องทิน อ่อง. เพ็ชรี สุมิตร แปล (๒๕๑๙). ประวัติศาสตร์พม่า. กรุงเทพฯ : โครงการตำราสังคมศาสตร์และ
มนุษยศาสตร์ สมาคมสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย.
เอลซา ไชนุดิน. เพ็ชรี สุมิตร แปล (๒๕๕๒). ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย, กรุงเทพฯ : มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย.
Chaihara, Daigoro. (1996). Hindu-Buddhist Architecture in Southeast Asia. Leiden, New York : Köln:Brill
(p.84).
Hermann, Kulke; Rothermund D (2001). A History of India. Routledge. ISBN 0-415-32920-5.
Sen, Sailendra Nath. (1999). Ancient Indian History and Civilization. New Age International, p.445. ISBN
9788122411980.
Sri Chamanlal. (1960). Hindu America. Bharatiya Vidya Bhava.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น